10 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดูไบ
-
ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเศรษฐี
แม้ไม่ใช่มหาเศรษฐี แต่ก็มาอยู่ดูไบได้ แอดมินบอกได้เลยว่า เราสามารถเพลิดเพลินไปกับดูไบได้ในราคาประหยัด มากไปกว่านั้นเมื่อดูไบกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าภาพในงาน Expo 2020 ในอีกไม่กี่เดือนนี้ เราจะได้ใช้บริการแท็กซี่ในราคาที่ถูก และมีมาตรฐาน และที่สำคัญคือ มีแหล่งอาหารที่ราคาไม่แพงให้เลือกบริโภคโดยเฉพาะในถนน Al Muraqqabat และ Al Rigga ในเมือง Deira
และในตอนนี้ เราก็สามารถหลีกเลี่ยงค่าบริการโรมมิ่งได้เพราะมีบริการแจกซิมฟรีตั้งแต่ตอนเข้าสนามบินดูไบเลยทีเดียว
2. ดูไบมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง
เมื่อพูดถึงดูไบ สิ่งผิวเผินที่ทุกคนรู้จักก็คือ การช็อปปิ้ง ตึกสูงระฟ้า หรืออาจจะเป็น skyscrapers แต่นอกเหนือจากนั้น ดูไบมีอารยะธรรมงดงามที่ผสมผสานกันระหว่าง เบดูอิน อาหรับ และอิสลามโบราณไว้ด้วยกัน
ไม่เพียงเท่านั้น เรายังสามารถไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองนี้ ที่มีครบจบในหนึ่งเดียว ที่ Etihad Museum และ Dubai Museum เท่านั้นยังไม่พอ เรายังสามารถไปเยี่ยมชมศิลปะร่วมสมัยได้ที่ถนน Alserkal Avenue และเพลิดเพลินไปกับการแสดงสุดอลังการได้ที่ the ship-shaped Dubai Opera อีกด้วย
3. อยู่ดูไบก็ดื่มได้
ดูไบไม่ได้เป็นเขตปลอดแอลกอฮอล์แบบที่หลายคนเข้าใจ เพราะในดูไบนั้น เราสามารถหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ที่บาร์ที่ได้รับใบอนุญาตในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเท่านั้น ส่วนคนที่จะสามารถดื่มเครื่องดื่มมึนเมาได้ กฎหมายดูไบกำหนดไว้ว่าต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไปเท่านั้น เพราะฉนั้น ควรพกบัตรประชาชนไปด้วยนะจ๊ะ และที่สำคัญคือในทุกคืนวันพฤหัส จะได้สมญานามว่า Ladies’ night เป็นคืนที่สาวๆออกมาสนุกกันมากที่สุด เพราะในบาร์หลายแห่งนั้น มีบริการเครื่องดื่มฟรีให้กับผู้หญิงนั่นเอง
4. ดูไบเป็นสำหรับสายกิน
แม้ดูไบจะเป็นเมืองทะเลทรายแห่งตะวันออกกลาง แต่ด้วยความที่ดูไบมีคนจากต่างชาติเดินทางมาอยู่มากมาย บวกกับดูไบมีวัฒนธรรมอาหรับท้องถิ่นของตน จึงมีอาหารให้เลือกรับประทานอย่างหลากหลายเลยทีเดียว
5. อยู่ดูไบก็ใส่ Bikini ได้
ดูไบเป็นเมืองที่รวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติไว้ด้วยกัน กว่า85% ของประชากรล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องคลุมผม และเราสามารถใส่กางเกงขาสั้น หรือเสื้อแขนกุดไปเที่ยวได้ในหลายๆสถานที่ และที่สำคัญคือเราสามารถใส่บิกินีเล่นน้ำที่ทะเลได้ไม่มีปัญหาเลยค่ะ
6. ดูไบล้ำสมัยทางเทคโนโลยี
จงลืมคำว่า "ดูไบคู่กับบ่อน้ำมัน" เพราะจริงอยู่ว่าดูไบเป็นเมืองที่ร่ำรวยได้เพราะทรัพยากรธรรมชาติ แต่ปัจจุบันนั้นดูไบเป็นเมืองที่มีความล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลกำลังทำงานร่วมกับ บริษัท ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อพัฒนารถยนต์ที่ไม่ต้องใช้คนขับขี่ แท็กซี่โดรน และการพิมพ์อวัยวะ 3 มิติ อีกด้วย
7. วันหยุดของดูไบคือวันศุกร์และวันเสาร์
นี่คงเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับหลายๆคน เพราะโดยปกติแล้ว คนทั่วโลกจะมีวันหยุดคือ เสาร์ อาทิตย์ แต่กับที่นี่แล้ว วันหยุดคือวันศุกร์และวันเสาร์ มากไปกว่านั้น บริการรถไฟใต้ดินของดูไบเริ่มต้นเวลา 10.00 น. ในวันศุกร์และโดยปกติแล้ว บริษัทห้างร้านจะปิดประมาณสองสามชั่วโมงในตอนบ่าย และหากเรากำลังมองหางานปาร์ตี้ยามค่ำคืน วันที่คึกคักก็คือวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าก็จะเต็มไปด้วยนักช้อปจนถึงเที่ยงคืนเลยทีเดียว
8. ดูไบเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ Orlando
ทุกคนคงจะรู้ว่าสวนสนุก Orlando ในรัฐ Florida ของอเมริกานั้นโด่งดังขนาดไหน แต่วันนี้ สวนสนุกนี้ได้เจอคู่แข่งตัวฉกาจอย่างดูไบ ด้วยสวนสนุกที่เปิดในปี 2559 นั่นคือสวนสนุก IMG Worlds of Adventure สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมโซน Marvel, Cartoon Network และ Motiongate ไม่เพียงเท่านั้น สวนน้ำดูไบก็กำลังจะกลายเป็นสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพราะจะมีการเพิ่มสไลเดอร์อีกมากกว่า 12 สไลเดอร์เลยทีเดียว
9. ดูไบอาจปลอดภัยกว่าประเทศคุณซะอีก
แม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคนี้ แต่ UAE ก็เป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ดูไบปลอดภัยมากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ทั่วโลก และอาชญากรรมบนท้องถนนก็แทบจะไม่มีึเลยก็ว่าได้ การนั่งแท็กซี่ในเวลากลางคืนก็ปลอดภัย และการเดินเดินชมเมืองก็ทำได้ไม่มีอันตราย ส่วนสิ่งที่อันตรายที่สุดคือการขับรถโดยประมาทและข้ามถนนโดยไม่ระวังนั่นเอง
10. เมืองแห่งตีกระฟ้า
ดูไบเป็นเมืองที่เวลาทำอะไรต้องมีความเหนือกว่าที่อื่น นอกจากจะมีหอคอยที่สูง 828 เมตรอย่าง Burj Khalifa แล้ว เอมิเรตกำลังสร้างตึกระฟ้าที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งสูง 928 เมตรจะสร้างเสร็จในปี 2563 ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอสังเกตการณ์ 360 องศาพร้อมด้วยโรงแรมและร้านอาหารอีกด้วย